หลังจากอธิบายเรื่องของจุดกำเนิดมาตรฐานไวเลสแลน (Wireless
LAN) ไปแล้วตอนนี้เราจะมาอธิบายในเรื่องข้อควรรู้ของการใช้ไวเลสแลน
การเปลี่ยนเราเตอร์ (Router) เป็นไวเลส N
แล้วไม่ได้เปลี่ยนตัวอุปกรณ์ทางฝั่งภาครับ เช่น การ์ดบนโน๊ตบุ๊ค การ์ดบน PC หรืออุปกรณ์โทรศัพท์ต่างๆ
เป็นมาตรฐาน N ตาม ก็จะไม่ได้แปลว่าคุณใช้งานมาตรฐาน N เพราะว่าการที่มันจะวิ่งเป็นมาตรฐานไวเลส N
ที่ความเร็วสูงสุด 600 Mbps ได้นั้นอุปกรณ์ทุกตัวจะต้องทำงานด้วยความเร็วสูงสุดเท่ากัน
เรื่องที่คนเข้าใจผิดมากเกี่ยวกับการใช้งานไวเลสแลนก็คือ
หลายคนชอบเข้าใจว่าจะนำเอาอุปกรณ์กี่ร้อยกี่สิบตัวมาเชื่อมต่อกับไวเลสแลนของตัวเองก็ได้
อันนี้เป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะว่าอุปกรณ์ที่เราใช้งานตามบ้าน เรียกว่าสเกลระดับ Home use หรือว่าใช้งานตามบ้านเท่านั้น
ข้อจำกัดของมันก็คือว่า มันรองรับการเชื่อมต่อพร้อมๆกันได้ประมาณ 5-10 ตัวเท่านั้น เพราะว่าในการใช้งานไวเลสแลนนั้นความเร็วของ Bandwidth
จะถูกแบ่งตามจำนวนอุปกรณ์ที่มาเชื่อมต่อ รวมไปถึงจำนวนของ Client
ที่เข้ามาเชื่อมต่อได้ก็จะมีผลต่อตัว CPU
และก็แรมที่อยู่ในอุปกรณ์เราเตอร์ของเรานั่นเอง
ระยะทางในการใช้งานไวเลสแลนนั่นคือ
ปัจจุบันอุปกรณ์ไวเลสแลนจะมีมาตรฐานการใช้งานอยู่ที่โล่ง 100 เมตร แต่ในความเป็นจริงแล้วเราจะต้องเจอกับอุปกรณ์ที่จะลดทอนสัญญาณจำนวนมาก
เช่น ฝาผนังบ้าน กระจก แอร์ สัญญาณไฟ
และที่สำคัญอุปกรณ์ไวเลสแลนที่เราใช้เป็นมาตรฐาน 2.4 GHz มันจะไปถูกกวนด้วยอุปกรณ์อื่นๆที่ใช้งานความถี่เดียวกัน
เช่น เมาส์ไร้สาย โทรศัพท์ไร้สาย การเปิดปิดของตัวหลอดไฟ และก็แอร์อีกมากมาย
อีกเรื่องก็คือ
หลายคนชอบคิดว่าการเปลี่ยนเสาสัญญาณไวเลสให้เป็นกำลังส่งสูงขึ้น
หรือการเพิ่มกำลังการส่งไวเลสในอุปกรณ์ให้มันแรงขึ้นจะทำให้ระยะการส่งสัญญาณได้ไกลขึ้น
อันนี้เป็นความเชื่อที่ถูกเพียงแค่ครึ่งเดียว เพราะว่าการคุยกันของอุปกรณ์เน็ตเวิร์คเวลามันคุยกันไม่ใช่ว่าเราเตอร์ส่งหาโน๊ตบุ๊คแล้วทุกอย่างจะจบแค่นั้น
โน๊ตบุ๊คจะต้องส่งข้อมูลกลับมาหาเราเตอร์ได้ด้วย
ดังนั้นถ้าเกิดเราเพิ่มกำลังส่งทางฝั่งเราเตอร์อย่างเดียวให้ไปยังโน๊ตบุ๊คแต่ว่าไม่ได้เพิ่มกำลังส่งจากโน๊ตบุ๊คกลับไปยังเราเตอร์
สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือเหมือนเราเตอร์ตะโกนอยู่คนเดียวคุยกับโน๊ตบุ๊ตไม่รู้เรื่องอยู่ดี
ดังนั้นถ้าหากต้องการเพิ่มกำลังส่งทั้งหมด เราต้องเพิ่มกำลังส่งของอุปกรณ์ทุกตัวที่จะใช้งาน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น